“Tell me and I forget,
teach me and I may remember,
involve me and I learn.”
― Benjamin Franklin
รักลูกให้ลูกหัดทำกับข้าวให้เป็นเสียแต่วันนี้เถิด เมื่อวานเขียนบทความเรื่องร้านcookbook ร้่านของชำขายผักผลไม้ขายอาหารที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและปลอดสารพิษใน LA ก็สะเทือนใจเบาๆว่าถ้าจะได้บริโภคอาหารที่ปลอดภัย มีคุณภาพ จะต้องจ่ายสูงกว่าราคาเฉลี่ยทั่วไปหลายเท่า บางครั้งสูงถึง 7 เท่าเชียวหรือ? การที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพอีกวิธีหนึ่งคือการใช้เงินเข้าแลกและดุเหมือนจะเป็นค่านิยมหลักไปเสียแล้ว ยังมีเรื่องราวที่น่าตกใจอีกมากมายเช่นเมื่อครั้งที่ Jamie Oliver ไปทำรายการที่สหรัฐและมีเด็กๆที่ไม่รู้จักผักเลยแม้แต่ชนิดเดียว ในอังกฤษและออสเตรเลียต่างก็ประสบปัญหาแนวๆเดียวกัน
เมื่อถนนทุกสายมุ่งสู่การที่พ่อแม่ไปทำงาน เด็กก็ไปโรงเรียนเพื่อเรียนหนังสือ ได้เรียนที่ดีๆ ได้เกรดดีๆ ได้งานที่ดีมีความมั่นคง จะได้ร่ำได้รวย แต่ผลปรากฏว่ามีเด็กจบปริญญาตรีจำนวนหนึ่งที่ยังต้องขอเงินพ่อแม่ใช้เพราะชักหน้าไม่ถึงหลัง ส่วนพ่อแม่ออกไปทำงานแลกเงินกลับมาก็เหนื่อยล้า คำตอบของยุคสมัยคือการซื้ออาหารถุงมากิน ถ้าเป็นต่างประเทศก็จะเป็นอาหารแช่แข็ง พ่อแม่ปัจจุบันทำกับข้าวกันแทบไม่เป็นแล้ว ทักษะพื้นๆในการดำรงชีพค่อยๆจางหายไปตามแรงสะบัดของกาลเวลา ความรีบเร่ง และการแข่งขัน การทำกับข้าวดูจะเป็นส่วนเกินของชีวิตคนยุคนี้ไปโดยอัตโนมัติ ไม่ได้ตำหนิใครเพราะแม้แต่ตัวเองก็ทำกับข้าวไม่เป็นเพิ่งมาทำเป็นเมื่อวัยก็ขึ้นเลข3แล้ว เหมือนครอบครัวอื่นๆนั่น แหละพ่อแม่ให้เรียนที่บ้านมีคนทำกับข้าวให้กิน ดีที่ยังต้องทำงานบ้านอื่นๆช่วยดูแลน้องช่่วยงานอื่นๆ พอโตขึ้นหน่อยเข้ากรุงก็หาซื้อกับข้าวถุงกิน พอมีเงินหน่อยก็กินข้าวนอกบ้านทุกวันไม่เคยทำกับข้าวเอง พอจะหัดทำก็ไม่มีแรงบันดาลใจเพราะความสะดวกสบายมันจ่อตรงหน้า ตอนนั้นไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพไม่เข้าใจเรื่องโภชนาการ มีแต่เห่อตามกระแสอะไรว่าดีก็เอาด้วย
ก็ยอมรับว่ายังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เมื่อเราสังเกตุดูให้ดีๆทางอังกฤษหรือในอเมริกามีการเปิดคอร์สสอนทำอาหารกันเป็นล่ำเป็นสัน ที่เมืองไทยก็มีแต่ดูจะเน้นเพื่อการประกอบอาชีพมากกว่า เคยลองเสิชหาดูบางที่ที่เปิดสอนทำอาหารไม่กี่อย่างแต่ราคาแพงหูฉี่แทบสิ้นเนื้อประดาตัว นั่นไง! เนื่องจากเกิดการหล่นหายของ cooking skill ระหว่างทางและในวันนี้สิ่งที่ปู่ย่าตายายไม่ต้องเสียเงินไปเรียนก็กลายเป็นการเริ่มต้นใหม่ของคนรุ่นหลัง ไม่เป็นไรยังไม่สายเริ่มได้วันนี้เลย อย่าท้อ ที่ตัวเองทำกับข้าวได้ทุกวันนี้และมีความสนใจด้านอาหารเหตุผลหลักเลยคือ การย้ายมาอยู่ต่างประเทศ และ ปัญหาสุขภาพ หากไม่มีปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นกับตัวเองจะไม่มีโอกาสได้รู้พิษภัยของอาหารสำเร็จรูป อาหารขยะ ขนมเบเกอรี่ ขนมถุง หรือขนมกรุบกรอบ เชื่อเถอะค่ะว่าทำกับข้าวใครๆก็ทำได้ค่ะ ตัวเองนี่ถึงกับทำเพื่อนๆช๊อคคาหน้าจอเมื่อเห็นภาพอาหารที่ลงเฟสบุคเพราะนี่ไม่ใช่ลุคดิฉัน
ยังมีปัญหาที่ตามมามากมายจากความ(มัก)ง่ายในการกิน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพดังที่เห็นในสังคมอเมริกันและอังกฤษ(ตอนนี้ออสเตรเลียเกือบขึ้นที่1) ปัญหาขยะและสิ่งแวดล้อมเนื่องจากสินค้านั้นมีวางขายตามห้างเพียงมีเงินก็ไปหาซื้อมากินมาใช้ได้โดยไม่รู้ว่าต้นทุนจริงนั้นมีด้านใดบ้างทำให้เกิดผลข้างเคียงคือการบูชาเงินคิดว่ามีเงินก็จะมีทุกอย่างที่บันดาลความสุขได้
เพราะฉะนั้นแล้วหากถามนักวิชาการที่ไหนหรือองค์กรด้านการพัฒนาบุคคลาการที่ใด้ว่าทักษะที่จำเป็นต่อชีวิตในศตวรรษที่21คืออะไร จะได้คำตอบที่คล้ายคลึงกัน คือ ทักษะด้านภาษา การเขียน การอ่าน การวิเคราะห์ ด้านการสื่อสาร การเข้าสังคม ความทันต่อข่าวสาร ความรู้เศรษฐกิจ และอีกมากมายสามารถไปอ่านต่อได้ที่ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21แต่อ่านจากสองสามแหล่งก็ไม่เจอที่ไหนที่บอกว่าเด็กต้องทำกับข้าวเป็นซักรีดเสื้อผ้าดูแลตัวเองได้ช่วยงานการในครอบครัว เรื่องการเสียสละในครอบครัวถ้ายังไม่สามารถทำได้ ยังสงสัยอยู่ว่าต่อไปเด็กจะเอาทักษะที่พัฒนาให้ล้ำหน้าเหล่านั้นไปช่วยเหลือสังคมได้อย่างไรนอกเสียจะคิดถึงแต่ตัวเอง
สรุปสั้นๆ ประโยชน์ของการสอนเด็กให้ทำกับข้าวเป็นนั้นมีทั้งทางตรงและทางอ้อม เป็นการช่วยให้เขาได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว เป็นการสร้างความอบอุ่นในครอบครัวด้วยกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ทำแล้วต้องช่วยกันเก็บ นอกจากนั้นหากช่วยกันปลูกผักที่บ้านได้ก็จะยิ่งทำให้เด็กได้เห็นวัฏจักรของอาหาร เลือกกินของสดใหม่ ไม่กินทิ้งกินขว้าง เอาของเหลือใช้มาประยุกต์ได้ เขาจะได้ไม่เป็นเด็กมักง่าย หยิบฉวยอะไรกินเพียงเพราะเชื่อคำโฆษณา ช่วยเด็กของเราเริ่มต้นเสียแต่วันนี้ ทำเท่าที่เราสามารถจะทำได้เพื่อให้เด็กๆมีทักษะพื้นฐานอันแสนอมตะสุดคลาสสิคในการดำรงชีพติดตัวต่อไป อย่าให้หล่นหายกลางทาง
คาลิล ยิบราน ในเรื่องของ “บุตร”
บุตรของเธอ…ไม่ใช่บุตรของเธอ
เขาเหล่านั้นเป็นบุตรและธิดาแห่งชีวิต
เขามาทางเธอ แต่ไม่ได้มาจากเธอ
และแม้ว่าเขาอยู่กับเธอ แต่ก็ไม่ใช่สมบัติของเธอ
เธออาจจะให้ความรักแก่เขา แต่ไม่อาจให้ความนึกคิดได้
เพราะว่าเขาก็มีความนึกคิดของตนเอง
เธออาจจะให้ที่อยู่อาศัยแก่ร่างกายของเขาได้
แต่มิใช่แก่วิญญาณของเขา
เพราะว่าวิญญาณของเขานั้น อยู่ในบ้านของพรุ่งนี้
ซึ่งเธอไม่อาจเยี่ยมเยือนได้ แม้ในความฝัน…
เธออาจจะพยายามเป็นเหมือนเขาได้
แต่อย่าได้พยายามให้เขาเหมือนเธอ
เพราะชีวิตนั้นไม่เดินถอยหลัง
หรือห่วงใยอยู่กับวันวาน
เธอนั้นเป็นเสมือนคันธนู
บุตรหลานเหมือนลูกธนูอันมีชีวิต
ผู้ยิงเล็งเห็นที่หมายบนทางอันมิรู้สิ้นสุด
พระองค์จะน้าวเธอเต็มแรง เพื่อว่าลูกธนูจะวิ่งเร็วและไปไกล
ขอให้การโน้มงอของเธอในอุ้งพระหัตถ์ของพระองค์
เป็นไปด้วยความยินดี
เพราะว่าเมื่อพระองค์รักลูกธนูที่บินไปนั้น
พระองค์ก็รักคันธนูซึ่งอยู่นิ่งด้วย
“รักวัวให้ผูก รักลูกให้ทำกับข้าว” เริ่มได้ทันทีนะคะ
Happy Cooking 🙂
Eat Me with Your Eyes … ติดตามอิ่มเอมกันได้ที่
Followme on Twitter @FoodWriterBlog
Facebook : Facebook.com/FoodWriterBlog
Pin me : Pinterest.com/FoodWriterBlog
Read me : FoodWriterBlog.wordpress.com